รักษามะเร็งมีหลายวิธี และมะเร็งแต่ละชนิดจะเหมาะกับวิธีรักษาที่ต่างกัน
ศูนย์ : ศูนย์มะเร็ง
บทความโดย : นพ. กิตติพงษ์ อุดมดำรงกุล

วิธีรักษามะเร็งในปัจจุบันมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับชนิด และความรุนแรงของโรค ซึ่งด้วยความซับซ้อนในการรักษาโรคมะเร็งนั้นจำเป็นต้องอาศัยทีมแพทย์ที่ประกอบไปด้วยผู้ชำนาญการหลากหลายสาขาทำงานร่วมกัน ซึ่งทางศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลนครธน จะมีการวางแผนรักษาผู้ป่วยแต่ละรายด้วยการประชุมของสหสาขา Tumor Board ร่วมพิจารณาวางแผนรักษาด้วยกัน มีทีมให้คำแนะนำ คำปรึกษาถึงแนวทางตัวเลือกการรักษาที่เป็นไปได้กับผู้ป่วยเพื่อให้การรักษาโรคมะเร็งมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในระหว่างการรักษา
สารบัญ
- การรักษาโรคมะเร็งแต่ละระยะ
- รักษามะเร็งด้วยยาเคมีบำบัด หรือ คีโม (Chemotherapy)
- รักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง (Radiotherapy)
- การรักษามะเร็งด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy
- การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
- การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
- การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgery)
- การรักษามะเร็งเฉพาะจุด
- รักษามะเร็ง เพื่อคืนคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วย
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การรักษาโรคมะเร็งแต่ละระยะ
การรักษาโรคมะเร็งมีเป้าหมายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และสุขภาพของผู้ป่วย โดยทั่วไปหากมะเร็งระยะแรกเซลล์มะเร็งยังอยู่เฉพาะที่ ไม่ลุกลามก็สามารถใช้วิธีการผ่าตัดกำจัดมะเร็งทั้งหมดออกจากร่างกายและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ในกรณีที่ลุกลาม ก็จะใช้วิธีการควบคุมโรค ยับยั้งการเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็ง โดยใช้วิธีการอื่น ๆ ผสมผสานกันเพื่อยับยั้งการเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น แล้วเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด
ในกรณีมะเร็งแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ ปอด สมอง หรือกระดูก เป้าหมายการรักษาจะมุ่งเน้นที่การ ควบคุมโรคและบรรเทาอาการ ชะลอการลุกลาม เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทางศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลนครธน จะมีการวางแผนวิธีรักษาโรคมะเร็งในผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด
รักษามะเร็งด้วยยาเคมีบำบัด หรือ คีโม (Chemotherapy)


ยาเคมีบำบัด หรือ คีโม เป็นยารักษามะเร็งที่ออกฤทธิ์ต้านหรือทำลายเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวเร็ว และต่อเนื่อง ทั้งที่ต้นตอและที่กระจายไปตามทางเดินน้ำเหลือง กระแสเลือดหรืออวัยวะอื่นของร่างกาย ซึ่งยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งในหลายรูปแบบ ทำให้เซลล์ไม่สามารถแบ่งตัวต่อไปได้และตายในที่สุด สามารถให้ยาเคมีบำบัด หรือ คีโม เข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยได้หลายวิธี ได้แก่ ชนิดรับประทาน โดยจะช่วยให้การบริหารยาสะดวกมากขึ้น และลดการเข้าพักในโรงพยาบาลเพื่อให้ยาเคมีบำบัด และชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด โดยการหยดร่วมกับสารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำ แล้วมะเร็งระยะไหนต้องให้คีโม ? การรักษามะเร็งด้วยคีโมจะใช้ตามการวินิจฉัยในการรักษาของแพทย์ โดยจะใช้ในรักษาเป็นวิธีเดียว หรือผสมผสานการรักษากับวิธีอื่น ๆ ด้วย
รักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีรักษา หรือ การฉายแสง (Radiotherapy)
การฉายรังสีรักษา หรือ ฉายแสง มะเร็ง เป็นการใช้รังสีพลังงานสูงฉายไปทำลายกลุ่มก้อนเซลล์มะเร็งนั้น ๆ ซึ่งในแต่ละครั้งที่ฉายแสงนั้น เซลล์มะเร็งจะสะสมความผิดปกติของยีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากรังสีได้และเซลล์นั้นก็จะตายลง การฉายรังสีรักษาแบ่งได้ 2 แบบ คือ การฉายรังสีรักษาระยะไกลจากภายนอก (External beam radiotherapy) เป็นการรักษาจากภายนอกไปยังอวัยวะของร่างกายที่เป็นมะเร็ง และ การฉายรังสีรักษาระยะใกล้ (Brachytherapy) เป็นการฝังแร่กัมมันตรังสีเข้าไปในก้อนมะเร็งโดยตรงหรือใกล้ ๆ กับก้อนมะเร็ง แล้วแร่หรือยานี้จะปล่อยกัมมันตรังสีไปทำลายเซลล์มะเร็งที่อวัยวะเป้าหมาย ทั้งนี้ มะเร็งระยะไหนต้องฉายแสง ? การรักษามะเร็งด้วยการฉายแสงนั้นจะอยู่ที่การวางแผนในการรักษาของแพทย์เพื่อให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล โดยจะใช้ในรักษาเป็นวิธีเดียว หรือผสมผสานการรักษากับวิธีอื่น ๆ ด้วยได้
การรักษามะเร็งด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy
ยามุ่งเป้า เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง ซึ่งยับยั้งการส่งสัญญาณที่เกี่ยวข้องต่อการเจริญเติบโต และการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง สามารถควบคุมมะเร็งได้ยาวนานกว่า และมีผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติน้อยกว่าการใช้ยาเคมีบำบัด หรือ คีโม (Chemotherapy) โดยยามุ่งเป้าสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
- Small molecule drugs เป็นยาที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเป็นพิเศษ สามารถแทรกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์มะเร็ง และทำลายเซลล์มะเร็งจะภายในได้
- Monoclonal antibodies เป็นโปรตีนสังเคราะห์ที่จะพุ่งเข้าไปจับกับเซลล์มะเร็งและทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายหรือเติบโตต่อไปไม่ได้

การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)


ภูมิคุ้มกันบำบัด จะทำงานโดยการเข้าไปยับยั้งกระบวนการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของเซลล์มะเร็ง และกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือว่าเป็นการใช้ภูมิคุ้มกันร่างกายของเราเองเข้าไปต่อสู้กับเซลล์มะเร็งโดยตรง ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยที่รับรองการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดใน มะเร็งหลาย ๆ ชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งตับและทางท่อน้ำดี มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งโพรงมดลูก และมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา เป็นต้น
การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต
การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Hematopoietic stem cell transplantation) หรือ การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone marrow transplantation) เป็นการรักษามะเร็งโดยการนำเอาเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากแหล่งกำเนิด คือ ไขกระดูก เลือด และเลือดจากสายสะดือและของรก ทั้งของผู้บริจาค หรือของตนเองมาใช้ในการรักษามะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน และเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น เพื่อจะแทนที่เซลล์ที่ไม่แข็งแรงหรือเซลล์ที่ผิดปกติในไขกระดูก ด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่แข็งแรงและปกติ
การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgery)


การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษามะเร็งที่อยู่เฉพาะที่ ยังไม่มีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงอื่นหรือไม่อยู่ระยะแพร่กระจาย ซึ่งจะสามารถควบคุมโรคได้ นอกจากนี้เทคนิคการผ่าตัดยังมีความก้าวหน้ามาก สามารถผ่าตัดนำก้อนมะเร็งออกโดยไม่ทำให้อวัยวะเสียรูปทรง และหลีกเลี่ยงการสูญเสียอวัยวะนั้นไปได้ เช่น การผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบสงวนเต้า และยังมีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ส่งผลกระทบน้อย เช่น การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) เป็นต้น
โดยมะเร็งชนิดใดบ้างที่รักษาด้วยการผ่าตัด ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งศีรษะและคอ มะเร็งเต้านมแบบตัดเต้านมทั้งหมด และการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม มะเร็งปากมดลูก การผ่าตัดก้อนมะเร็งที่สมอง มะเร็งกระดูก การผ่าตัดปอดบางส่วน มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งรังไข่ หรือมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
การรักษามะเร็งเฉพาะจุด
การรักษามะเร็งเฉพาะจุด เป็นการรักษาโดยใช้อุปกรณ์จี้ทำลายก้อนมะเร็งด้วยความร้อนหรือคลื่นความถี่สูง (Radiofrequency Ablation: RFA) ไปทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นเป้าหมายสำคัญผ่านทางเข็ม วิธีการรักษานี้ไม่ซับซ้อนและมีผลข้างเคียงน้อย รวมไปถึงการใช้ยาเคมีบำบัดผ่านทางการอุดหลอดเลือดที่เลี้ยงก้อนมะเร็ง (Transarterial Chemo Embolization: TACE) ผ่านทางหลอดเลือดแดง มีผลทำให้ก้อนมะเร็งขาดเลือดไปเลี้ยง จนทำให้เซลล์มะเร็งตายในที่สุด โดย 2 วิธีนี้มักจะใช้ในการรักษามะเร็งตับ
รักษามะเร็ง เพื่อคืนคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วย
อย่างไรก็ตามการรักษามะเร็งนั้นอาจเป็นวิธีใดวิธีเดียวหรือหลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะโรค ชนิดของเซลล์มะเร็ง เป็นมะเร็งของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใด สามารถผ่าตัดได้หรือไม่ และหลังผ่าตัดยังคงหลงเหลือก้อนมะเร็งหรือไม่ ผลพยาธิวิทยาชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดเป็นอย่างไร รวมไปถึงอายุและสุขภาพผู้ป่วยร่วมด้วย ซึ่งโรคมะเร็งสามารถรักษาได้ง่าย หากรู้ตัวเร็ว และรักษากันตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ในการดูแลมะเร็งไม่ใช่แค่การรักษาทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังต้องดูแลด้านจิตใจ สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ที่ทางศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลนครธนให้ความสำคัญ
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์มะเร็ง